เปิดโอกาสลงทุนตลาดต่างประเทศด้วย SSF และ RMF
ณ ปัจจุบัน มูลค่าตลาดหุ้นไทย (Market Capitalization) อยู่ที่ประมาณ 416,000 แสนล้านดอลลาร์ฯ ถ้าเทียบกับมูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีมูลค่าประมาณ 51,26 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ตลาดหุ้นไทยนั้นมีมูลค่าเพียง 0.8% ของตลาดหุ้นทั่วโลกเท่านั้น นอกจากนี้ประเทศไทยเรายังเป็นประเทศที่พึ่งพาภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวทำให้หลังจากวิกฤตโควิด-19 ประเทศไทยมีการฟื้นตัวที่ช้ากว่าประเทศอื่น ๆ เมื่อเทียบกับประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน
จากงานวิจัยของ IMF ที่แสดงให้เห็นว่าภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้นำเศรษฐกิจของโลก ได้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2050 ตัวเลข GDP ของจีนและอินเดียจะมีขนาดเป็น 20% และ 15% ของมูลค่าเศรษฐกิจโลกตามลำดับ และประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาจะมีขนาดเพียง 12% รวมถึงยูโรโซนจะมีมูลค่าเศรษฐกิจเหลือเพียงแค่ 9% เท่านั้น
เหตุผลที่ลักษณะของเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบนี้ เนื่องจากภูมิภาคเอเชียเริ่มมีการปรับตัวเข้าสู่นวัตกรรมด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่องและสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดไปพร้อมกับ Mega Trend ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น e-Commerce, Online Education, Cloud Computing รวมไปถึง EV Car และอื่น ๆ อีกมากมาย
จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า การทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาพเอเชียเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับการลงทุนระยะยาว สำหรับใครที่กำลังสนใจการลงทุนระยะยาวในภูมิภาคเอเชีย ทาง บลจ. พรินซิเพิล เองก็มี "กองทุนเปิดพรินซิเพิล เอเชีย แปซิฟิก ไดนามิก อินคัม อิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (Principle APDIRMF)" ที่เน้นลงทุนทั้งภูมิภาคเอเชียแบบสไตล์ Barbell Portfolio โดยจะมีการลงทุนในหุ้นและ REITs ที่ให้ปันผลสูงเพื่อควบคุมความเสี่ยงของพอร์ต พร้อมกับลงทุนหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง (Growth Stock) ซึ่งกองทุนจะเน้นการปรับพอร์ตให้เข้ากับสถานการณ์อย่างทันท่วงที (Dynamic Management)
โดยกองทุน "กองทุนเปิดพรินซิเพิล เอเชีย แปซิฟิก ไดนามิก อินคัม อิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (Principle APDIRMF)" มีผลตอบแทนที่โดดเด่นสามารถปรับขึ้นมาหลังจากโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี หากดูผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนจะอยู่ที่ 30.42% เทียบกับดัชนีเปรียบเทียบที่ 29.15% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563) (Benchmark : M1APJ Index (THB) 50% + M1APJ Index adjusted with FX hedging cost 50%) ซึ่งตัวอย่างหุ้นที่กองทุนเลือกลงทุน ได้แก่
1. Tencent
บริษัท IT ขนาดใหญ่ของประเทศจีนที่เป็นเจ้าของทั้ง WeChat และ QQ นอกจากนี้ยังมีรายได้จาก "เกมออนไลน์" ที่ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มากในระดับโลก และมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับที่สูง ปัจจุบัน Tencent มีผู้ใช้บริการรวมกันมากกว่า 1 พันล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
2. Alibaba Group
ถือเป็นบริษัทประเภท Conglomerated Firm ที่มีขนาดใหญ่ โดยบริการหลักจะประกอบไปด้วย 3 ธุรกิจ คือ Alibaba, Taobao และ Tmall ที่ถือว่าเป็นเว็บไซต์ e-Commerce ที่มีให้บริการทั้งระดับ B2B และ B2C เลยทีเดียว
3. Samsung
เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำด้านมือถือและโทรทัศน์ แต่เบื้องหลังของ Samsung นั้น ยังเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ถูกส่งเป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกด้วย
4. LG Chem
ธุรกิจ Chemical รายใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ และสิ่งที่ทำให้ LG Chem น่าสนใจอย่างมาก ก็คือ เป็นบริษัทที่มี Line การผลิต Battery สำหรับ EV Car โดยเฉพาะอีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.principal.th/th/principal/APDIRMF
หรือถ้าใครกำลังมอง SSF ที่อยากจกระจายการลงทุนไปทั่วโลกก็สามารถเลือกลงทุนผ่าน “กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ ชนิดเพื่อการออม (PRINCIPAL GOPP-SSF)” ที่เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพทั่วโลกที่มีอัตราการเติบโตที่สูงและมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันภายใต้ธีม Disruption Change ที่กำลังเป็นเทรนด์หลักของโลก ณ ปัจจุบัน เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ก้าวไปพร้อมกับวิวัฒนาการยุคใหม่ โดยกองทุนลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการแข่งขันระดับโลก ซึ่งเติบโตท่ามกลางกระแสสังคมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป (Disruptive Innovation) ตัวอย่างบริษัทที่ลงทุนในกองทุนหลักคือ Zoom, Amazon, TAL, Servicenow, Alphabet
โดยกองทุน PRICNIPAL GOPP class Accumulate (class A) สามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี – 30 พฤศจิกายน 2563 ได้ที่ 48.14% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 14.02% และกองทุนนี้สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ โดยย้อนหลัง 3 ปี สร้างผลตอบแทนได้ 21.70% ต่อปี (อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563) สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 6.86% ต่อปี (อ้างอิงข้อมูล Benchmark : M1WD Index (THB) 50% + M1WD index adjusted with FX hedging cost 50%)
โดยกองทุน PRINCIPAL GOPP-SSF เริ่มเปิดให้ลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.principal.th/th/principal/GOPP-A หรือ https://www.principal.th/th/principal/GOPP-SSF
และหากนักลงทุนที่ต้องการการลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ประเภทกองทุนอสังหาริมทรัพย์ REITs กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ขอแนะนำ "กองทุนเปิดพรินซิเพิล เอ็นแฮนซ์พร็อพเพอร์ตี้แอนด์อินฟราสตรัคเจอร์เฟล็กซ์อินคัม (PRINCIPAL iPROPEN-SSF)" ได้เช่นกัน ซึ่งจะเน้นการลงทุนใน REITs ที่จดทะเบียนในเอเชียและออสเตรเลีย โดยเฉพาะกลุ่ม Logistic และ Data Center ที่จะกองทุนในลักษณะนี้ได้ยากในประเทศไทย ถ้าหากดูข้อมูลย้อนหลังประกอบจะเห็นได้ว่า REITs ทางฝั่งเอเชียจะมีการจ่ายเงินปันผลที่สูงเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ประเภทอื่น ๆ
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจาก Bloomberg ย้อนหลัง 15 ปี จะเห็นว่า REITs เป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเป็นลำดับที่ 2 เฉลี่ยอยู่ที่ที่ 8.2% ต่อปี นอกจากนี้ REITs ยังสามารถลงทุนกับกลุ่มที่เป็น Data Center ยิ่งโลกมีการใช้เทคโนโลยีมากเท่าไหร่ ยิ่งมีความต้องการสำหรับ Data Center ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ข้อมูลในอดีต ทั้งโลกมีการส่งข้อมูลเพียง 100 GB ต่อวินาทีเท่านั้น แต่ในอีก 2 ปีข้างหน้าคาดการณ์ว่าน่าจะมีการส่งข้อมูลมากกว่า 150,700 GB ต่อวินาทีเลยทีเดียว (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.principal.th/th/principal/iPROPEN-SSF
PRINCIPAL APDIRMF, PRINCIPAL iPROPEN-SSF และ PRINCIPAL GOPP-SSF ถือว่าเป็นกองทุนเด่นที่ทาง บลจ. พรินซิเพิลคัดสรรมาเพื่อโอกาสการลงทุนในภูมิภาคเอเชียที่มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ สามารถลงทุนในระยะยาวได้ ทั้งนี้ทั้ง 3 กองทุนยังได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีตามเงื่อนไขจากกรมสรรพากรอีกด้วย
ศึกษาข้อมูลกองทุนรวมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/mutual-fundth
คำเตือน:
PRINCIPAL APDIRMF
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศฮ่องกงและจีน ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
- ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวด้วย หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน ผู้ลงทุนจะ ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- ผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิงยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต
PRINCIPAL iPROPEN-SSF
-ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผู้ลงทุนโปรดศึกษาเงื่อนไขการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม หรือหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม (SSF) ในคู่มือการลงทุน โดยเป็นไปตามเกณฑ์กรมรรพากร กําหนด ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวน/หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสําคัญ ให้เข้าใจและควรเก็บหนังสือชี้ชวนไว้เป็นข้อมูล เพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต และ เมื่อมีข้อสงสัยให้สอบถามผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนให้เข้าใจก่อนซือหน่วยลงทุน
- การสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน หรือการโอนย้ายหน่วยลงทุนของหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม หรือกองทุนเพื่อการออมจะสามารถสับเปลี่ยน หรือโอนย้ายได้ระหว่าง หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม หรือกองทุนเพื่อการออมอื่นที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วยกันเท่านั้น เว้นแต่มีกฎหมาย หรือประกาศที่เกี่ยวข้องประกาศกําหนด เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลง
- ผู้ลงทุนไม่สามารถนําหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเพื่อการออม หรือชนิดเพื่อการออมไปจําหน่าย โอน จํานํา หรือนําไปเป็นประกัน
- เนื่องจากกองทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และ/หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REITs) และ/หรือกองทุนรวม โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงในลักษณะเดียวกับการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หรือโครงสร้างพื้นฐานโดยตรง เช่น ความเสียงจากความผันแปรของค่าเช่าและอัตราการเช่า การเพิ่มขึ้นของภาษีทรัพย์สิน การเปลี่ยนแปลงของกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติค่าเสื่อมราคาของอาคารเมื่อเวลาผ่านไปและการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น รวมถึงความเสี่ยงจากการกระจุกตัวอาจทําให้มี ความผันผวนมากกว่าการลงทุนที่กระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรม
- กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในประเทศแถบเอเชีย ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
- เนื่องจากกองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับ เงินคืนตํ่ากว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ตอบแทน (Efficient Portfolio Management) และเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการลงทุนในต่างประเทศตามความเหมาะสมและสภาวการณ์ในแต่ละขณะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจที่ผู้จัดการกองทุนเห็น เหมาะสม โดยพิจารณาจากสภาวะตลาดในขณะนั้น กฎข้อบังคับ และปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น ทิศทางของราคาหลักทรัพย์อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และค่าใช้จ่ายในการป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง จึงมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมอื่นและกองทุนอาจได้รับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนตํ่ า กว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
PRINCIPAL GOPP-SSF
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในอเมริกาเหนือ ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
- ผู้ลงทุนโปรดศึกษาเงื่อนไขการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม หรือหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม (SSF) ในคู่มือการลงทุนโดยเป็นไปตามเกณฑ์กรมสรรพากรกำหนดให้เข้าใจ หากมีข้อสงสัยให้สอบถามผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนให้เข้าใจก่อนซื้อหน่วยลงทุน
- การสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน หรือการโอนย้ายหน่วยลงทุนของหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม หรือกองทุนเพื่อการออมจะสามารถสับเปลี่ยน หรือโอนย้ายได้ระหว่าง หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม หรือกองทุนเพื่อการออมอื่นที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วยกันเท่านั้น เว้นแต่มีกฎหมาย หรือประกาศที่เกี่ยวข้องประกาศกําหนด เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลง
- ผู้ลงทุนไม่สามารถนําหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเพื่อการออม หรือชนิดเพื่อการออมไปจําหน่าย โอน จํานํา หรือนําไปเป็นประกัน
- ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต