บลจ.พรินซิเพิล ร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวกองทุน ThaiESGX พร้อมเปิดขายกองทุน PRINCIPAL SEQTESGX
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด (บลจ.พรินซิเพิล) ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวการเสนอขายและร่วมส่งเสริมกองทุน ThaiESGX ซึ่งจัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ดร.พรพรรณ ไพบูลย์วัฒนชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนในกองทุน ThaiESGX โดยกล่าวถึงความสำคัญของการลงทุนอย่างยั่งยืน และเชื่อมั่นว่ากองทุนดังกล่าวจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสสร้างผลตอบแทนควบคู่ไปกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ บลจ.พรินซิเพิล เปิดตัว “กองทุนพรินซิเพิล ซีเล็คต์ หุ้นปันผลไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (PRINCIPAL SEQTESGX)” เน้นลงทุนในหุ้นไทยปันผล ESG คุณภาพดี บริหารโดยทีมจัดการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญการลงทุนในหุ้นไทย ด้วยกระบวนการลงทุนที่แข็งแกร่ง บริหารเชิงรุกเพื่อเอาชนะดัชนีเปรียบเทียบ Benchmark ในระยะยาว กระบวนการวิเคราะห์และคัดหุ้นคุณภาพด้วยกลยุทธ์ FMV (Fundamental, Momentum, Valuation) และ ESG Scoring เพื่อได้หุ้นคุณภาพในการลงทุน ผลงานเด่นจากการได้รับรางวัล กองทุนหุ้นไทยยอดเยี่ยมติดกัน 2 ปีต่อเนื่อง (ปี 2567-2568) จากวารสารการเงินการธนาคาร เปิด IPO สำหรับเงินลงทุนใหม่ 2-8 พฤษภาคม 2568 และเปิดให้ลงทุนอีกครั้ง 13 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568 สำหรับหน่วยลงทุนชนิดเงินลงทุนใหม่และชนิดเงินลงทุนเดิม (สับเปลี่ยนจาก LTF) พร้อมโปรโมชั่นสะสมยอดซื้อทุก 50,000 บาท รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด PRINCIPAL DPLUS มูลค่า 100 บาท*
*รายการส่งเสริมการขายนี้ นับรวมรายการส่งเสริมการขายของผู้ลงทุนในกองทุน RMF / Thai ESG / Thai ESGX ทุกกองทุนของ บลจ.พรินซิเพิล ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 30 ธันวาคม 2568 / ในกรณีที่ผู้ถือหน่วยลงทุนมีบัญชีลงทุนมากกว่า 1 บัญชี บลจ. จะนับยอดเงินลงทุนสุทธิ จากทุกเลขที่บัญชีผู้ถือหน่วยลงทุนรวมกัน โดยพิจารณาจากเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนโดยสามารถรวมยอดเงินลงทุนของแต่ละกองทุนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันได้ / ผู้ถือหน่วยลงทุนจะต้องถือครองหน่วยลงทุนจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2569 จึงจะมีสิทธิได้รับหน่วยลงทุนของกองทุน PRINCIPAL DPLUS-A ตามเงื่อนไขที่กำหนด / บลจ. จะส่งมอบของรางวัล โดยผู้ลงทุนจะได้รับหน่วยลงทุนของกองทุน PRINCIPAL DPLUS-A ภายในเดือนพฤษภาคม 2569 / รายการส่งเสริมการขายนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดและไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นได้ / บลจ.พรินซิเพิล ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาของรายการส่งเสริมการขายของสมนาคุณที่มีมูลค่าเทียบเท่าเงื่อนไข รวมทั้งข้อกำหนดอื่นของรายการส่งเสริมการขายนี้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้การตัดสินของ บลจ.พรินซิเพิล ถือเป็นที่สุด
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / ผู้ลงทุนควรได้รับทราบข้อมูลของกองทุน PRINCIPAL SEQTESGX โดยถูกต้อง ครบถ้วนและได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมก่อนตัดสินในลงทุน / ผู้ถือหน่วยลงทุน LTF ที่ประสงค์จะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เป็นกอง PRINCIPAL SEQTESGX จะต้องสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนกอง LTF ให้ครบทุกกองทุน เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนด / ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และเงื่อนไขการลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thailand ESG Extra Fund) ในคู่มือการลงทุนโดยเป็นไปตามเกณฑ์กรมสรรพากรกำหนด / ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวด้วย หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเป็นไปตามเงื่อนไขดังนี้ ทั้งนี้ เว้นแต่มีกฎหมาย หรือประกาศที่เกี่ยวข้องประกาศกำหนดเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลง 1. การซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 (สำหรับหน่วยลงทุน “ชนิดเงินลงทุนใหม่”) ให้ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุน ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่ เกิน 300,000 บาท สำหรับปีภาษี โดยผู้มีเงินได้ต้องถือหน่วย ลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน แต่ไม่รวมถึงกรณีทุพพลภาพหรือตาย ทั้งนี้ เงินได้ที่ได้รับการยกเว้นดังกล่าว ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด 2. การซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันทำการแรกของปี 2569 สำหรับหน่วยลงทุน “ชนิดสิทธิประโยชน์ทางภาษี”(ปัจจุบันยังไม่เปิดให้บริการ) ให้ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน ทั้งนี้ เมื่อรวมกับหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแล้วต้องไม่เกิน 300,000 บาท สำหรับปีภาษี โดย 2.1 สำหรับการซื้อหน่วยลงทุนในปี 2569 : ผู้มีเงินได้ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน และ 2.2 สำหรับการซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2570 – 31 ธันวาคม 2575 : ผู้มีเงินต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน แต่ไม่รวมถึงกรณีทุพพลภาพหรือตาย ทั้งนี้ เงินได้ที่ได้รับการยกเว้นดังกล่าวต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด 3.การสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เข้ากองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (สำหรับหน่วยลงทุน “ชนิดเงินลงทุนเดิม”) ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ผู้มีเงินได้จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เท่ากับจำนวนมูลค่าหน่วยลงทุนที่สับเปลี่ยนดังกล่าวแต่ไม่เกิน 500,000 บาท เป็นระยะเวลาดังนี้ 3.1 ปีภาษี 2568 ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท 3.2 ปีภาษี 2569 ถึงปีภาษี 2572 ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยให้ได้รับยกเว้นเป็นจำนวนเท่าๆกันในแต่ละปีภาษี โดยผู้มีเงินได้ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ผู้มีเงินได้แจ้งความประสงค์ แต่ไม่รวมถึงกรณีทุพพลภาพหรือตาย ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด / กองทุนเปิดพรินซิเพิล ซีเล็คต์ หุ้นปันผลไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ มีนโยบายอาจลงทุนในต่างประเทศ บริษัทจัดการอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการลงทุนในต่างประเทศตามความเหมาะสมและสภาวการณ์ในแต่ละขณะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจที่ผู้จัดการกองทุนเห็นเหมาะสม จึงอาจยังมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินเหลืออยู่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ อีกทั้งการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงอาจมีต้นทุน ซึ่งทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต