โอกาสลงทุนเชิงรุกในหุ้นคุณภาพดีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกับกองทุน PRINCIPAL APDI
ตลาดหุ้นฝั่งเอเชีย เป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่น่าสนใจต่อการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เงินเฟ้อโดยรวมอยู่ในระดับสูง และภาวะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนก็ยังไม่คลี่คลาย
เอเชียมีศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจสูง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการที่จีนเริ่มผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับมาตรการควบคุมโรค Covid-19 รวมถึงนโยบายการเงิน และนโยบายการคลังของจีนที่มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจเป็นหลัก
.
PRINCIPAL ขอแนะนำโอกาสการลงทุนในภูมิภาคเอเชียที่มีการเติบโตสูงกับกองทุน PRINCIPAL APDI ที่มีจุดเด่นคือเน้นกระจายการลงทุนในหุ้น Asia Pacific ด้วยกลยุทธ์ Barbell Portfolio มีการถือหุ้นที่มีการเติบโตดี หรือ REIT ที่จ่ายเงินปันผลสูง เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีความสมดุล และเน้นการเลือกหุ้นรายตัวแบบ High Conviction ไม่ยึดเกาะกับดัชนีอ้างอิง ทำให้ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจแต่ละขณะได้ อีกทั้งกองทุนยังได้รับการจัดอันดับ Morningstar 5 ดาว as of 31 May 2022
ดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/principal/APDI-A
ดาวน์โหลดแล้วซื้อกองทุนผ่านแอป Principal TH คลิก
4 ปัจจัย ทำไมกองทุน PRINCIPAL APDI ถึงน่าลงทุนในช่วงเวลานี้
1.ลงทุนเชิงรุกในหุ้นคุณภาพดี มีการเติบโตสูง โดยไม่ยึดติดกับดัชนีชี้วัด (Benchmark Unconstrained) ผู้จัดการกองทุนสามารถการเลือกหุ้นได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องสนใจดัชนีชี้วัดว่าจะมีน้ำหนักในหุ้นตัวนั้นเท่าไหร่ และสามารถปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจได้ทันสถานการณ์
2.ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Barbell Portfolio ถือหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูงควบคู่ไปกับหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูง กองทุนจะถือหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูงควบคู่ไปกับหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูง เช่น REITs เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีความสมดุลและไม่ผันผวนมากเกินไป เมื่อต้องเจอกับความไม่แน่นอนของตลาด เช่น การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และ ECB
3.บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ในด้านการลงทุนหุ้น Asia Pacific รวมถึงเน้นทำ Company Visit และทำบทวิเคราะห์ด้วยตัวเอง เพื่อคัดสรรหุ้นที่ดีมีศักยภาพที่สุดใน Universe มาลงทุนประมาณ 40 – 55 ตัว เท่านั้น
4.เน้นลงทุนในบริษัทที่อยู่ใน Megatrend ของโลก ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เช่น กลุ่ม Green Policies, E-commerce, Cloud computing และ Internet of things
เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียมีศักยภาพเติบโตโดดเด่นในช่วงครึ่งหลังของปี อิงจากข้อมูลของ Blomberg คาดว่าภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) จะมีแนวโน้มการเติบโตของ GDP ที่ประมาณ 5% ในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ หรือยุโรป
เนื่องจากฝั่งเอเชียเพิ่งจะเริ่มผ่อนคลายการเปิดประเทศในช่วงปีนี้ โดยเฉพาะในจีนที่เริ่มมีแผนการผ่อนคลายเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid-19 เช่น การลดจำนวนวันกักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศ และประชาชนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยสู่ 10 วัน จาก 21 วัน
ซึ่งแตกต่างจากฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปที่เริ่มเปิดประเทศ และมีการฟื้นตัวของการเติบโตของเศรษฐกิจตั้งแต่ในช่วงกลางปีที่แล้ว เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั้งของสหรัฐฯ และยุโรปพุ่งสุดขึ้น และธนาคารกลางจึงจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นในที่สุด (Source: Principal Asset Management, Bloomberg as of 8 June 22)
เน้นลงทุนในหุ้นจีน (ฮ่องกง+จีน) ประมาณ 30% ที่เหลือกระจายตามประเทศต่างๆ ในเอเชีย เช่น ออสเตรเลีย 13% ไต้หวัน 13% หรือ สิงคโปร์ 11% และยังลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (IT) 22% กลุ่มการเงิน 14% กลุ่มอุตสาหกรรม 11% ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากกลยุทธ์การลงทุนแบบ Top-Down และ Bottom-Up (Source: Principal Asset Management as of 31 May 2022)
ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน
-Taiwan Semiconductor : บริษัทผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่มีชื่อเสียง และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ของโลก มีขนาดของบริษัทสูงถึงราว 4 แสนกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีลูกค้ารายใหญ่ที่สำคัญๆ คือ Apple, Nvidia และ Qualcomm
-Tencent : บริษัทสัญชาติจีนที่มีรายได้หลักจากการผลิตเกมออนไลน์ เช่น Realm of Valor หรือ RoV และแอป WeChat แอปแชตอันดับต้นๆ ของโลกที่ได้รับความนิยมในจีน มีผู้ใช้ราว 1,200 ล้านคน
เริ่มต้นลงทุนในกองทุน PRINCIPAL APDI จากบลจ.พรินซิเพิล ที่ 1,000 บาท
ติดต่อสอบถามได้ที่ CIMB Thai ธนาคารไทยพาณิชย์ และพันธมิตรทางธุรกิจ หรือลงทุนผ่านแอป Principal TH ได้แล้ววันนี้
.
ติดต่อได้ที่เว็บไซต์ https://www.principal.th/ หรือโทร 02-686-9500
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน/ กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในฮ่องกง ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าทุนเริ่มแรกได้ / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
Copyright @ 2022 บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช ประเทศไทย สงวนลิขสิทธิ์ ข้อมูลที่ประกอบในเอกสารนี้ :
(1) เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ และ/หรือ ผู้ให้บริการข้อมูล
(2) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการทำซ้ำ หรือเผยแพร่
(3) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อความถูกต้อง ครบถ้วน และความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกกรณีจากการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิง ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต