เทคนิคการลงทุนสร้างเงินก้อนเตรียมไว้ใช้หลังเกษียณ ผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เทคนิคและเคล็ดลับดีๆ ในการสร้างเงินก้อนโตเตรียมไว้ใช้หลังเกษียณ ผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ต้องทุ่มเททำงานหนักเพื่อหวังเก็บเงินก้อนโตไว้ใช้ในอนาคต
แต่กว่าจะสะสมได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและภาระหน้าที่ ทำให้การเก็บเงินดูเหมือนจะยากขึ้นทุกที
แต่หากเราเลือกออมผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มทำงานจนถึงวันเกษียณ ก็จะช่วยให้มีเงินก้อนใหญ่ไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาระในอนาคต
วันนี้ บลจ.พรินซิเพิล จึงอยากมาแชร์เทคนิคและเคล็ดลับดีๆ ในการสร้างเงินก้อนโตเตรียมไว้ใช้หลังเกษียณแบบง่ายๆ
แนะนำ 2 แผนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จากบลจ.พรินซิเพิล ที่ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายการลงทุน
สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีการออมเพื่อสร้างเงินก้อนโตเตรียมไว้ใช้หลังเกษียณ เราขอแนะนำ 2 แผนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จากบลจ.พรินซิเพิล ที่ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายการลงทุน มาดูกันว่ามีแผนไหนบ้าง
1. แผนลงทุนสมดุลตามอายุ (Target Date)
แผนการลงทุนที่ปรับตามปีเกษียณ โดยมีผู้จัดการกองทุนปรับพอร์ตสัดส่วนสินทรัพย์ให้เหมาะสมอัตโนมัติตามอายุ เช่น วัยเริ่มทำงาน มีระยะเวลาลงทุนยาวนาน จึงทำให้ รับความเสี่ยงได้มากกว่าวัยใกล้เกษียณที่เหลือเวลาออมเงินน้อยและอยากรักษาความมั่นคงของเงินต้นให้มากขึ้น แผนนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือ ไม่มีเวลาติดตามข่าวการลงทุน
2. แผนลงทุนตามความเสี่ยง (Target Risk)
แผนการลงทุนตามเมนูที่บริษัทจัดให้หรือกำหนดสัดส่วนการลงทุนเองตามความเชี่ยวชาญ เหมาะสำหรับสมาชิกที่มีความรู้ และติดตามข่าวตลาดสม่ำเสมอ
ไม่ว่าคุณจะเลือกแผนไหน ทั้ง แผนลงทุนสมดุลตามอายุ (Target Date) หรือ แผนลงทุนตามความเสี่ยง (Target Risk) บลจ. พรินซิเพิลก็พร้อมที่จะดูแลและให้คำปรึกษา เพื่อให้การลงทุนของคุณเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ทุกเป้าหมายทางการเงิน
แผนสมดุลตามอายุ (Target Date) จากบลจ.พรินซิเพิล ที่เหมาะสำหรับมือใหม่มีคนจัดการให้ครบ
3 จุดเด่น Target Date
1. แผนลงทุนที่ปรับให้เหมาะสมตามช่วงอายุ ตั้งแต่วัยเริ่มทำงานไปจนถึงวัยเกษียณ โดยวัยเริ่มทำงานเน้นสร้างโอกาสได้ผลตอบแทนสูง ในขณะที่วัยใกล้เกษียณจะลดความเสี่ยงเพื่อความมั่นคง
2. ใช้แผนเดียวได้ตั้งแต่เริ่มทำงานจนถึงวัยเกษียณ โดยมีการปรับสัดส่วนการลงทุนไม่ให้มีความเสี่ยงมากหรือน้อยเกินไปกว่าความเสี่ยงที่ยอมรับได้
3. มีผู้จัดการกองทุนปรับสมดุลพอร์ตให้สมาชิกอัตโนมัติให้เป็นตามกลยุทธ์การลงทุน และมีการปรับพอร์ตตามสถานการณ์ตลาดได้ในระยะสั้น
ทั้งนี้ Asset Allocation เป็นเพียงคำแนะนำของบริษัทจัดการ หากสภาวะตลาดเปลี่ยนไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามคาดหวัง ทั้งนี้ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจการจัดสรรการลงทุน (Basic Asset Allocation) ตามคำแนะนำของสำนักงาน ก.ล.ต. ก่อนตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
แผนลงทุนตามความเสี่ยง (Target Risk) เหมาะสำหรับมือโปรจัดการลงทุนได้เอง
3 จุดเด่น Target Risk
1. เลือกแผนลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ต้องการได้ ตามเมนูที่บริษัทมีให้ตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ หรือกำหนดสัดส่วนการลงทุนด้วยตนเองด้วยแผน Do-it-yourself (DIY)
2. มีเวลาติดตามสภาวะตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะต้องวิเคราะห์และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในตลาดอยู่เสมอ เพื่อไม่พลาดโอกาสในการลงทุนที่ดี
3. มีความรู้และสามารถออกแบบการลงทุนด้วยตัวเอง โดยการจัดการพอร์ตการลงทุนจะกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการและตรงตามเป้าหมายที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม ต้องคอยตรวจ asset all & ความเสี่ยง และคอยสับเปลี่ยน เพื่อไม่ให้ความเสี่ยงเกินที่รับได้
โดยผลตอบแทนคาดหวังของแผนลงทุนตามความเสี่ยง พรินซิเพิล ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่ลงทุนซึ่งมาพร้อมกับระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป
8 ระดับความเสี่ยงของประเภทการลงทุนในกองทุน เพื่อเลือกนโยบายลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ระดับ 1 คือกองทุนตลาดเงินในประเทศ ลงทุนในเงินฝาก ตั๋วเงินคลัง และตราสารหนี้ระยะสั้น
ระดับ 2 คือกองทุนรวมตลาดเงินต่างประเทศ ที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปีในต่างประเทศ
ระดับ 3 คือกองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล อายุ 1 ปีขึ้นไป
ระดับ 4 คือกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตั๋วเงินคลัง และหุ้นกู้เอกชน
ระดับ 5 คือกองทุนรวมผสม ที่มีการกระจายการลงทุนทั้งในเงินฝาก ตราสารหนี้ และหุ้น
ระดับ 6 คือกองทุนรวมตราสารทุน ที่เน้นการลงทุนในหุ้นสามัญ ทั้งในไทยและต่างประเทศ
ระดับ 7 คือกองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรม ที่ลงทุนในหุ้นเฉพาะกลุ่ม เช่น หุ้นธนาคาร หุ้นสื่อสาร
ระดับ 8 คือกองทุนรวมสินทรัพย์ทางเลือก ที่เน้นการลงทุนในทองคำ น้ำมัน และอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ระดับความเสี่ยงของกองทุนในแต่ละประเภทไม่ได้การันตีว่ากองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำหรือสูงที่สุดจะดีที่สุด แต่การพิจารณาถึง เป้าหมายการลงทุน ความสามารถในการรับความเสี่ยง และระยะเวลาในการลงทุน ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกนโยบายลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่เหมาะสม
นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงเทคนิคการลดความเสี่ยง เช่น การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ และ การจัดพอร์ตที่เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและเป้าหมายทางการเงินของเรา
4 แนวทางในการจัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ จากนโยบาย Target Risk
บลจ.พรินซิเพิล ขอเสนอ 4 แนวทางในการจัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ จากนโยบาย Target Risk เพื่อช่วยวางแผนการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
1. Conservative: เน้นการรักษาเงินต้นและลดความเสี่ยง โดยเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารหนี้และตราสารหนี้ระยะสั้น
2. Income: เน้นความเสี่ยงต่ำและมุ่งให้ผลตอบแทนที่มั่นคง โดยให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก พร้อมกระจายการลงทุนในหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และสินทรัพย์ทางเลือก
3. Balance: เน้นความสมดุลจากการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ ตามด้วยหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และสินทรัพย์ทางเลือก
4. Growth: เน้นการลงทุนที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง มาพร้อมกับระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้น โดยเน้นลงทุนใน ตราสารหนี้ กองทุนต่างประเทศ ตามด้วยหุ้นไทย และสินทรัพย์ทางเลือก
นอกจากนี้ นโยบายการลงทุนตามระดับความเสี่ยง (Target Risk) ยังมีอีกหนึ่งแนวทางที่ให้นักลงทุนกำหนดสัดส่วนการลงทุนเองในสินทรัพย์หลากหลายตามความต้องการ คือ DIY (Do It Yourself) ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่มีความรู้และความเข้าใจในตลาดการลงทุน
โดยสรุป แนวทางการจัดพอร์ตการลงทุนตามระดับความเสี่ยงนี้ ช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายการเกษียณพร้อมระดับความเสี่ยงที่รับได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรศึกษาการลงทุนและติดตามข่าวสารการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดในแต่ละช่วง
3 เคล็ดลับการเพิ่มพูนเงินออม ให้พร้อมเติบโตในระยะยาว
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการออมที่ดีและเข้าถึงได้ง่าย แต่จะมีแนวทางการบริหารจัดการอย่างไรให้สามารถเพิ่มพูนเงินออมให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว? วันนี้เรามี 3 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณจัดการเงินออมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันเลย
1. ออมเงินเข้ากองทุนเต็ม 15% ช่วยให้เงินออมสะสมเติบโตเร็วยิ่งขึ้น และยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ทุกปี พร้อมทั้งรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามอัตราการออมเงินเข้ากองทุน
2. เลือกพอร์ตให้เหมาะสมกับตัวเอง หากเป็นคนที่ไม่มีเวลาติดตามพอร์ต อยากให้มีคนจัดการพอร์ตให้ครบเลือกแผนสมดุลตามอายุ (Target Date) โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับช่วงอายุ เพื่อสร้างความมั่งคั่งในทุกช่วงชีวิต โดยวัยเริ่มทำงานเน้นการลงทุนที่เติบโต พอถึงวัยเกษียณก็ปรับลดความเสี่ยงลงเพื่อรักษาเงินต้นให้มั่นคง
3. หากเป็นคนที่ชอบศึกษาด้านการลงทุนด้วยตัวเอง มีเวลาติดตามข่าวสาร มีความรู้ด้านการลงทุน สามารถเลือกแผนสมดุลตามความเสี่ยง (Target Risk) โดยสามารถเลือกนโยบายการลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่สมาชิกรับได้ นอกจากนี้ยังมีแผน Do-it-yourself (DIY) ที่ให้สมาชิกผสมสัดส่วน และเลือกสินทรัพย์ที่ต้องการจะลงทุนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งพอร์ตในลักษณะนี้ ผู้ลงทุนต้องมีความรู้และมีเวลาติดตามสภาวะตลาดอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับพนักงานหรือบริษัทที่ยังไม่มี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แล้วสนใจจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถติดต่อได้ที่ โทร 02-686-9500 กด 2
หรือกรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับได้ที่ https://www.principal.th/th/contact-us
ดูข้อมูลกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/provident-fund
ติดต่อได้ที่เว็บไซต์ https://www.principal.th/ หรือโทร 02-686-9500
#PrincipalThailand #PrincipalTargetdatefund
🔵 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมจาก บลจ.พรินซิเพิล ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/principalthailand
YouTube : https://www.youtube.com/c/PrincipalThailand
LINE: @PrincipalThailand หรือคลิก https://lin.ee/VtrvatK
Website : https://www.principal.th หรือโทร 02-686-9500
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และ ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต