จัดพอร์ตให้แข็งแกร่งด้วย 3 กองทุน Principal Multi Assets Funds (PRINCIPAL MAINCOME, PRINCIPAL MABALANCED, PRINCIPAL MAGLOBAL)
ทิศทางการลงทุนปี 2025 มองตลาดการลงทุนผันผวน แนะกระจายการลงทุนสินทรัพย์คุณภาพ
หากเรามองย้อนกลับไปปี 2024 สักนิด ถือเป็นปีที่ดีของการลงทุนไม่น้อย เนื่องจากหลายสินทรัพย์ทำผลงานได้ดี ไม่ว่าจะเป็น หุ้นสหรัฐฯ หุ้นจีน ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ให้ผลตอบแทนเป็นบวกทั้งหมด
ไม่เพียงเท่านี้พอร์ตการลงทุนแบบหลากหลายสินทรัพย์ หรือ Multi Assets ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน โดยปี 2024 ที่ผ่านมาพอร์ตการลงทุนประเภทดังกล่าวให้ผลตอบแทนมากถึง 13.5%
ปัจจัยสำคัญคือการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อก็ค่อยๆ ลดลงมา ไม่เพียงเท่านี้ในปี 2024 เรายังพบข่าวดีคือเศรษฐกิจจีนกลับมาเติบโตที่ 5% หลังจากที่ค่อยๆ ฟื้นตัวจากการล็อกดาวน์ในช่วงโควิดในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้
แต่ในปี 2025 แล้ว ก็ยังเป็นอีกปีที่มีความท้าทายในการลงทุนไม่น้อย เนื่องจากความผันผวนของตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้นำสหรัฐอเมริกาคนใหม่อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มาพร้อมกับนโยบายการเพิ่มภาษีการค้า ที่สร้างความผันผวนให้กับทั้งเศรษฐกิจและตลาดการลงทุนอย่างมาก
(Source: Principal Global Market Perspective 1Q2025)
บลจ.พรินซิเพิล ขอแนะนำ 3 กองทุน Principal Multi Assets Funds เลือกได้ตามความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวัง
ซึ่งคัดสรรการลงทุนจากหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก และมีการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับทุกสภาวะตลาด
ดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่
https://www.principal.th/th/principal/MAINCOME-A
https://www.principal.th/th/principal/MABALANCED-D
https://www.principal.th/th/principal/MAGLOBAL-A
<< ดาวน์โหลดแล้วซื้อกองทุนผ่านแอป Principal TH คลิก >>
ปัจจัยอะไรบ้างที่เราควรจะต้องติดตามในช่วงไตรมาสแรก ของปี 2025
เศรษฐกิจโลกอาจเติบโตได้ต่างกัน
ถ้าหากมามองเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 1 นี้ ทาง Principal ให้มุมมองว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่ยังเติบโตได้ในระดับปานกลาง ขณะเดียวกันภาพรวมของเศรษฐกิจโลกจะมีการเติบโตที่แตกต่างกัน โดยเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
Fed อาจลดอัตราดอกเบี้ยอาจเหลือเพียงแค่ 1 ครั้ง จากเดิมในปีที่ผ่านมาคาดว่า Fed เองจะลดอัตราดอกเบี้ย 3-4 ครั้งด้วยซ้ำ เนื่องจากความเสี่ยงจากนโยบายการขึ้นภาษีของทรัมป์ ที่อาจทำให้เงินเฟ้อกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น
สินทรัพย์ต่างๆ ยังมีโอกาสผันผวนได้ ขณะที่มุมมองสินทรัพย์อย่างตราสารหนี้นั้นในปีนี้ Principal มองว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แม้ว่า Fed ชะลอการลดอัตราดอกเบี้ย
แม้ว่าปี 2025 จะมีความไม่แน่นอนซ่อนอยู่ แต่สำหรับหุ้นนั้นยังมีโอกาสที่จะไปต่อได้ ทีมนักวิเคราะห์ของ Principal มองว่า การเติบโตของเศรษฐกิจยังสนับสนุนให้บริษัทต่างๆ มีกำไร แต่จะอยู่ภายใต้สภาวะความผันผวน ซึ่งเกิดจากแรงกดดันของมูลค่าของตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ฯลฯ อาจมีแรงเทขายออกมาได้ ถ้าหากผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ออกมาผิดหวัง
(Source: Principal Global Market Perspective 1Q2025)
เตรียมพร้อมรับมือปรับพอร์ตเชิงรุก ด้วย 3 เทคนิคสำหรับนักลงทุน
ด้วยความผันผวนของตลาด นักลงทุนอาจเลือกลงทุนในกองทุนประเภท Multi Assets เนื่องจากกองทุนประเภทนี้มีการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน ฯลฯ และยังมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน รวมถึงสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
3 เทคนิคสำหรับนักลงทุนที่จะมาช่วยเสริมจุดแข็งให้กับพอร์ตของคุณ
1.เลือกกองทุน Multi Asset ลงทุนหลากหลายสินทรัพย์
กระจายการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ ปรับพอร์ตสม่ำเสมอตามสภาวะตลาด เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความยืดหยุ่น
2.ลงทุนในกองทุนที่มีกลยุทธ์ Long-Short (Absolute Return Strategy)
กลยุทธ์ที่ใช้ทั้งสถานะซื้อ (Long Position) ในสินทรัพย์ที่คาดว่าราคาจะขึ้น และสถานะขาย (Short Position) ในสินทรัพย์ที่คาดว่าราคาจะลง เพื่อให้พอร์ตมีผลตอบแทนเป็นบวก
3.ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก Listed Private Equity
Listed Private Equity (LPE) คือ บริษัทจัดการกองทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งบริหารสินทรัพย์นอกตลาด (Private Assets) เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง ขยายโอกาสลงทุนในหุ้นนอกตลาด อสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐานที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะในช่วงดอกเบี้ยขาลง
กลยุทธ์หลักเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างผลตอบแทนบวกในทุกสภาวะตลาด
จะมีการลงทุนในกองทุนที่ใช้กลยุทธ์ Long-Short โดยกลยุทธ์ดังกล่าวจะมีสถานะซื้อ (Long Position) ในสินทรัพยที่คาดว่าราคาจะปรับสูงขึ้นในอนาคต หรือรวมถึงมีสถานะขาย (Short Position) ในสินทรัพยที่คาดการณ์ว่าราคาจะปรับลดลงในอนาคต เพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนกองทุนให้เป็นบวกเสมอ หรือ Absolutely Return Strategy
และมีการลงทุนในบริษัทบริหารสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ ที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หรือ Listed Private Equity ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะเกาะกระแสการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่อยู่ในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้นของบริษัทที่อยู่นอกตลาดหุ้น ตราสารหนี้นอกตลาด รวมถึงอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานที่ให้เงินปันผลสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนและโอกาสในการสร้างผลตอบแทน โดยกองทุนมีการลงทุนในบริษัทบริหารสินทรัพย์ชื่อดัง เช่น KKR หรือ ARES เป็นต้น
(Source: Principal Asset Management (Thailand), Blackrock , Group analysis of Preqin data as of Q1 2023. Private Equity inclusive of Venture Capital)
3 กองทุน Multi Asset Funds บลจ.พรินซิเพิล เลือกได้ตามความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวัง
(PRINCIPAL MAINCOME / PRINCIPAL MABALANCED / PRINCIPAL MAGLOBAL)
หลังจากที่เราทราบถึงกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนไปแล้ว นักลงทุนยังสามารถเลือก 3 กองทุน Multi Assets ของ Principal ซึ่งตอบโจทย์ตามความต้องการในการลงทุน รวมถึงตามความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ โดยทาง Principal แนะนำระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับกองทุนนี้คือ 3-5 ปีขึ้นไป เพื่อที่จะได้ผ่านทุกวัฏจักรของเศรษฐกิจ หรือแม้แต่ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ
โดยรายชื่อกองทุน Multi Assets ได้แก่
Principal Multi Asset Income Fund (PRINCIPAL MAINCOME) ผลตอบแทนที่คาดหวังอยู่ที่ 5% โดยเฉลี่ยต่อปี โดยกองทุนจะกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอทั่วโลกและโอกาสหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มจาก Listed Private Equity มีความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาแหล่งสร้างผลตอบแทนในรูปแบบรายได้ประจำ
Principal Multi Asset Balanced Fund (PRINCIPAL MABALANCED) ผลตอบแทนคาดหวัง 7% โดยเฉลี่ยต่อปี กองทุนจะกระจายการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพทั่วโลก เน้นลงทุนทั้งตราสารหนี้ และหุ้นโลกโดยหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากตราสารหนี้ที่มีผลตอบแทนสูงหรือ High Yield Bond และ Listed Private Equity มีความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาแหล่งสร้างผลตอบแทนในรูปแบบรายได้ประจำ พร้อมทั้งการเติบโตของเงินลงทุน
Principal Multi Asset Global Fund (PRINCIPAL MAGLOBAL) ผลตอบแทนคาดหวัง 10% โดยเฉลี่ยต่อปี กองทุนจะกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพทั่วโลกและมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยควบคุมความผันผวนด้วย Absolutely Return Strategy มีความเสี่ยงสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น และสามารถรับความเสี่ยงได้สูงขึ้นเช่นกัน
(Source: Principal Asset Management (Thailand) . Data as of January 2025)
กองทุน Principal Multi Assets ให้ผลตอบแทนที่โดดเด่น
โดยตั้งแต่ปรับกลยุทธ์ลงทุนกองทุนติดอันดับ Quartile 1 เมื่อเทียบกับกองทุนอื่นๆ ที่อยู่ในประเภทเดียวกัน
(Source: AIMC, Principal Thailand as of December 2024)
ลงทุนใน 3 กองทุน Principal Multi Assets Funds เพื่อวางแผนการลงทุนจัดพอร์ตช่วงตลาดผันผวนในปี 2025
โดย 3 กองทุน สามารถเลือกได้ตามความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวัง ซึ่งคัดสรรการลงทุนจากหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก และมีการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับทุกสภาวะตลาด
เพื่อวางแผนการลงทุนจัดพอร์ตช่วงตลาดผันผวนในปี 2025
โดยเลือกตามความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวัง
ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถซื้อได้ที่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด
หรือลงทุนผ่านแอป Principal TH ได้แล้ววันนี้
<< ดาวน์โหลดแล้วซื้อกองทุนผ่านแอป Principal TH คลิก >>
ดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่
https://www.principal.th/th/principal/MAINCOME-A
https://www.principal.th/th/principal/MABALANCED-D
https://www.principal.th/th/principal/MAGLOBAL-A
ข้อมูลกองทุนรวม บลจ.พรินซิเพิล https://www.principal.th/th/mutual-fundth
ติดต่อได้ที่เว็บไซต์ https://www.principal.th/ หรือโทร 02-686-9500
ติดตามข่าวสาร และข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมจาก บลจ.พรินซิเพิล ได้ทุกช่องทาง
Facebook : https://www.facebook.com/principalthailand
YouTube : https://www.youtube.com/c/PrincipalThailand
LINE: @PrincipalThailand
Website : https://www.principal.th/
หรือโทร 02-686-9500
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าทุนเริ่มแรกได้ ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต