ทำไมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพถึงเป็นเครื่องมือสำหรับการเกษียณที่ดีที่สุด

ทำไมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพถึงเป็นเครื่องมือสำหรับการเกษียณที่ดีที่สุด

ถ้าหากให้นึกถึงเครื่องมือการลงทุนที่เหมาะสำหรับเป้าหมายเกษียณอายุ แน่นอนว่า ‘กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)’ มักจะถูกยกขึ้นมาพูดคุยเป็นอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะในหมู่คนทำงานประจำ ด้วยเงื่อนไขที่หากต้องการได้รับยกเว้นภาษีของเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สมาชิกจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข 3 ข้อ ได้แก่

1. ลาออกจากงาน ไม่ใช่ลาออกจากกองทุนโดยไม่ออกจากงาน 
2. เป็นสมาชิกกองทุนมาอย่างน้อย 5 ปี
3. ต้องมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์

ซึ่งถือว่าเป็นการส่งเสริมให้เราสามารถเกษียณอายุได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น ประกอบกับการลงทุนกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีลักษณะแบบออมก่อนใช้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว เพราะเมื่อเราได้รับเงินเดือนจะเห็นว่ามีการหักเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพก่อนเสมอ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าเราจะมีเงินอีกก้อนสำหรับการเกษียณอายุอย่างแน่นอน และการทยอยลงทุนทุกเดือนหรือที่คุ้นว่าเป็นการลงทุนแบบ Dollar Cost Averaging (DCA) ก็ยิ่งช่วยลดความเสี่ยงและช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อีกด้วย

นอกจากนี้การลงทุนผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังมี 'นายจ้าง' ทยอยสมทบให้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่เป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยทั่วไปเมื่อยิ่งมีอายุงานมากขึ้นเงินสมทบที่ได้รับจากนายจ้างก็จะยิ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยจะเรียกว่ามีคนช่วยเราออมเงินเพิ่มก็ว่าได้

อีกหนึ่งจุดเด่นของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็คือ สมาชิกไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญในเป็นการลงทุน สำหรับคนที่ไม่มีเวลาศึกษาหรือติดตามข่าวสารการลงทุน ก็สามารถลงทุนได้ไม่แตกต่างกัน ซึ่งทางพรินซิเพิลมี "กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พรินซิเพิล-สมดุลตามอายุ (Principal Target Date Retirement Fund)" เพียงแค่เรากำหนดปี ค.ศ.อายุที่ต้องการเกษียณ ผู้จัดการกองทุนจะคัดเลือกประเภทของสินทรัพย์ที่จะลงทุน กำหนดสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม พร้อมยังคอยปรับพอร์ตแบบ Rebalancing ให้อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม 

นอกจากนี้ ยังมีการปรับพอร์ตอย่างต่อเนื่องเมื่อเรามีอายุที่มากขึ้นให้แบบอัตโนมัติ เมื่ออายุมากขึ้น ยิ่งใกล้ช่วงเกษียณอายุมากเท่าไหร่ โดยทั่วไปแล้วมักจะยิ่งรับความเสี่ยงได้น้อยลงเสมอ เพื่อให้ระดับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอยู่ในระดับที่เหมาะสมตลอดระยะเวลาการลงทุน การทยอยลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงลง แล้วเพิ่มสัดส่วนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำแทนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะถ้าเรายังลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างต่อเนื่องแล้วตลาดเกิดปรับตัวอย่างรุนแรง ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนจนทำให้ไม่สามารถเกษียณอายุได้อย่างที่ตั้งใจไว้ได้เช่นกัน

หรือถ้าใครที่กำหนดแผนการลงทุนด้วยตัวเองอยู่แล้วก็สามารถเลือกลงทุนผ่าน "กองทุนสำรองเลี้ยงชีพในรูปแบบตามความเสี่ยง (Target Risk)" ที่สามารถเลือกนโยบายการลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่สมาชิกรับได้เอง โดยจะแบ่งออกเป็น 5 นโยบายหลักตั้งแต่สมาชิกที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมาก (Conservative) ที่เน้นในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้ระยะสั้น 80% และตราสารหนี้ทั่วไปอีก 20% ไปจนถึงระดับ Do-it-yourself (DIY) ที่เปิดให้สมาชิกสามารถเลือกสินทรัพย์พร้อมสัดส่วนการลงทุนได้ตามระดับที่ความเสี่ยงที่ต้องการ โดยสามารถเลือกลงทุนตราสารทุนในสัดส่วนที่มากถึง 100% ก็สามารถทำได้เช่นกัน

แต่แนะนำว่านโยบายการลงทุนตามความเสี่ยง (Target Risk) เหมาะกับสมาชิกที่มีความรู้ด้านการลงทุนพอสมควรและมีเวลาติดตามสภาวะตลาดอย่างต่อเนื่องเท่านั้น เพื่อที่จะได้เลือกและสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนได้ทันตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยสามารถกำหนดสัดส่วนการลงทุนเองได้ตามความต้องการ สำหรับใครที่ไม่มีเวลาในการศึกษาหาความรู้ด้านการลงทุน หรือยังไม่เชี่ยวชาญมากนัก การลงทุนผ่าน "กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พรินซิเพิล-สมดุลตามอายุ (Principal Target Date Retirement Fund)" ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

การวางแผนเพื่อการเกษียณอายุถือว่ามีความสำคัญมากแต่กลับถูกละเลยมากที่สุดแผนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ช่วงเวลาการเริ่มต้นวางแผนและเริ่มลงทุนสำหรับการเกษียณอายุที่ดีที่สุด คือ เริ่มวันนี้ เดี๋ยวนี้ ยิ่งลงทุนเร็วมากเท่าไหร่ ยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสที่เราจะเกษียณอย่างที่ตั้งใจไว้ได้มากเท่านั้น และการลงทุนผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพถือว่าเป็นการลงทุนที่เหมาะกับเป้าหมายเกษียณอายุมากที่สุดตัวหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลย

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ติดต่อบลจ. พรินซิเพิล โทร 02-686-9595
www.principal.th