Fed ชี้ดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่ปรับลดครั้งแรกอาจไม่ใช่เดือน มี.ค. 2024 ตราสารหนี้ Investment Grade และหุ้นคุณภาพยังเหมาะสมเป็น Core Portfolio
- แม้ว่า Fed จะยังส่งสัญญาณไม่ชัดเกี่ยวกับเมื่อไหร่ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย บลจ.พรินซิเพิล ยังมีมุมมองพอร์ตการลงทุนหลักควรประกอบด้วยกองทุนตราสารหนี้ Investment Grade (PRINCIPAL GREDIT) และ กองทุนหุ้นคุณภาพ (PRINCIPAL GQE และ PRINCIPAL GESG) เนื่องด้วยความเสี่ยงของเศรษฐกิจชะลอตัว และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยที่จะเกิดช่วงกลางปีช่วยส่งเสริม sentiment เชิงบวกตลาดหุ้นและ ตลาดตราสารหนี้
- จากการประชุม Fed เดือน ก.พ. Fed มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ตามคาด และระบุวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยได้สิ้นสุดแล้ว อย่างไรก็ตาม Fed ส่งสัญญาณว่ายังไม่มีแผนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. เนื่องจากยังอยากเห็นข้อมูลทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อยืนยันว่าการปรับลดของเงินเฟ้อครั้งนี้เป็นไปอย่างยั่งยืน
- หลังการประชุม ความน่าจะเป็นที่ Fed จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน มี.ค. ปรับลดลงสู่ 35% จาก 40% และความน่าจะเป็นที่ Fed จะลดดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้นสู่ 48% จาก 31% แสดงให้เห็นถึงตลาดให้น้ำหนักการลดอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีแทน
- สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เรายังมีมุมมองเป็นบวกต่อสินทรัพย์คุณภาพ ทั้งของตราสารหนี้ และตราสารทุน อย่างไรก็ตามการที่ Fed เลื่อนการตัดสินใจลดดอกเบี้ยออกไป อาจจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของตราสารหนี้บ้าง แต่กลยุทธ์การลงทุนของ PRINCIPAL GCREDIT ซึ่งมีกองทุนหลักคือ BNY Mellon Global Credit Fund ไม่ได้มีเป้าหมายหลักที่จะจับจังหวะตลาด หรือการเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ย โดยผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) ที่กองทุนสร้างมีที่มาจากหลากหลายแหล่ง ดอกเบี้ยอาจจะกระทบผลตอบแทนผ่าน Duration ได้บ้าง แต่ในช่วงตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนโดยส่วนใหญ่มาจากการบริหารความเสี่ยง (Beta Management) เช่น การหาจังหวะซื้อขายระยะสั้น และการคัดเลือกสินทรัพย์เข้าพอร์ตการลงทุน (Securities Selection) โดยสรุปในระหว่างนี้ โดยปกติกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนจากส่วนอื่น ๆ ตามที่กล่าวข้างต้น อีกทั้งการเลื่อนไม่ใช่การยกเลิก ดังที่ได้ชี้แจงในข้างต้นว่า ตลาดได้เพิ่มความน่าจะเป็นที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยระดับ 0.50% ในเดือนพ.ค. แทน ดังนั้นเรายังคงมุมมองว่าตราสารหนี้ (Investment Grade) จะให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นในปีนี้ และเหมาะสมที่จะอยู่ในพอร์ตการลงทุนหลัก (Core Portfolio)
PRINCIPAL GCREDIT กองทุนหลักเน้นลงทุนในตราสารหนี้ Investment Grade ทั่วโลก มีผลการดำเนินงานย้อนหลังโดดเด่นชนะดัชนีอ้างอิงอย่างสม่ำเสมอ ในระยะเวลา 11 ปี จาก 12 ปี ตั้งแต่จัดตั้งกลยุทธ์นี้ ได้รับการจัดอันดับ Morningstar 5 ดาว และตราสารหนี้ที่เคยลงทุนในพอร์ตไม่เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้เลย (ที่มา: Fund Fact Sheet ของ BNY Mellon Global Credit Fund ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2023)