บริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ 64 บริษัท เยือนเวียดนาม เตรียมลงทุนเพิ่ม เวียดนามร่างแผนยุบจังหวัด-หน่วยงานท้องถิ่น หวังลดรายจ่ายรัฐบาล
ในช่วงสัปดาห์ที่แล้วตัวแทนจากบริษัทยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ 64 บริษัท เช่น Apple, Coca-Cola, Intel, Nike, Amazon และ Meta เดินทางเข้าร่วมประชุมที่ประเทศเวียดนามเพื่อสำรวจโอกาส ทางธุรกิจเพิ่มเติม และกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า โดยการประชุมครั้งนี้มีจำนวนบริษัทเข้าร่วมสูงที่สุด แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจในการลงทุนในประเทศเวียดนามที่อยู่ในระดับสูงจากมุมมองของบริษัทสหรัฐฯ แม้ว่าในช่วงนี้จะมีนโยบายกีดกันทางการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ที่ทำให้มีความไม่แน่นอนด้านการค้าระหว่างประเทศสูงขึ้น
โดย Ted Osius ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน กล่าวในที่ประชุมว่าบริษัทต่าง ๆ พร้อมที่จะขยายการลงทุนต่อเนื่องในประเทศเวียดนาม และกล่าวชื่นชมแผนการปฏิรูปประเทศ โดยเชื่อว่าแผนการดังกล่าวจะช่วยจะขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่งเสริมการหนุนของการลงทุนจากบริษัทสหรัฐฯ มากขึ้น
รัฐบาลเวียดนามกำลังร่างแผนปฏิรูปประเทศยุบจังหวัด-หน่วยงานท้องถิ่นมากกว่าครึ่ง มุ่งหวังลดรายจ่ายและส่งเสริมการทำงานที่มีประสิทธิภาพ โดยรัฐบาลประกาศจะลดจำนวนจังหวัดลงประมาณเกือบ 50% จาก 63 จังหวัด เหลือ 34 จังหวัด และยุบหน่วยงานระดับตำบลถึงเกือบ 3 ใน 4 (60 – 70%) โดยแผนการนี้จะทำให้รัฐบาลท้องถิ่นทำงานได้โดยตรงกับระดับจังหวัดและตำบลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลยังมีแผนลดค่าใช้จ่ายโดยยุบกระทรวง และหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลจาก 30 หน่วยงาน เหลือ 22 หน่วยงาน ขณะที่ลูกจ้างของภาครัฐบาลจะถูกลดจำนวนลงถึง 20% ในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากมีภาระงานที่ซ้ำซ้อน
ในส่วนของ time line แผนการฉบับร่างทั้งหมดจะถูกส่งให้คณะบริหารประเทศพิจารณาในวันที่ 27 มี.ค. และคาดว่าภายในวันที่ 30 ส.ค.จะเสร็จสมบูรณ์ และเริ่มบังคับใช้ได้จริงในวันที่ 1 ก.ย. นี้ โดยผลกระทบเชิงบวกหลัก ๆ จากแผนการปฏิรูปครั้งนี้คือ ลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลจากการยุบหน่วยงาน และลดจำนวนพนักงานที่ไม่จำเป็น, ทำให้โครงสร้างรัฐบาลบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น, ส่งผลให้การใช้จ่ายของภาครัฐบาล เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
บลจ.พรินซิเพิล คงมุมมอง Slightly Overweight ต่อหุ้นเวียดนาม โดยจากเนื้อหาด้านบนเราจะเห็นได้ว่า นอกจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มฟื้นตัว และการเร่งเบิกจ่ายและลงทุนที่สูงของรัฐบาลแล้ว รัฐบาลเวียดนามยังมองเห็นถึงความสำคัญของการปฏิรูปโครงสร้างประเทศ เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาวอย่างมีเสถียรภาพ โดยมองไปข้างหน้าเรายังมองว่าตลาดหุ้นเวียดนามจะสามารถปรับขึ้นได้ในช่วงที่เหลือของปี จากปัจจัยบวก เช่น Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ (Forward P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) และการเข้าร่วมคำนวณในดัชนี FTSE Emerging Markets แนะนำนักลงทุนสามารถทยอยซื้อสะสมในพอร์ตการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่รับได้
PRINCIPAL VNEQ: เน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ คุณภาพดีเป็นหลัก เช่น หุ้นกลุ่มธนาคารที่มี Credit Growth ที่ดีในอนาคต เนื่องจากจะเป็นกลุ่มที่มีโอกาสต่ำที่จะถูกปรับประมาณการผลประกอบการลง ขณะที่เศรษฐกิจมีการเจริญเติบโตที่แข็งแกร่ง และกองทุนมีสัดส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกต่ำมาก ทำให้ได้รับผลกระทบที่จำกัดของนโยบายกีดกันภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ โดย บลจ.พรินซิเพิล คาดว่าตลาดหุ้นจะทยอยรับรู้ปัจจัยบวกที่กล่าวไปข้างต้น ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยนักลงทุนสามารถอ้างอิงน้ำหนักการลงทุน ได้จากพอร์ตการลงทุนแนะนำด้านล่าง
คำเตือน:
Principal Asset Allocation Plan เป็นบริการการแนะนำการจัดพอร์ตการลงทุนแบบการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ต่าง ๆ (Asset Allocation) ตามระดับความเสี่ยงในการลงทุนของผู้ลงทุน โดยเป็นการพิจารณาและประเมินภาวะการลงทุน เพื่อการสร้างและปรับพอร์ตอย่างสมดุล และอาจจะพิจารณาและนำเสนอการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนหรือปรับพอร์ตลงทุนเป็นรายเดือน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพอร์ตการลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและสอดรับกับภาวะการลงทุน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เปลี่ยนไปตามภาวะตลาดส่งผลให้สัดส่วนของแต่ละสินทรัพย์ที่ลงทุนมีการปรับเปลี่ยนไปจากสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม อาจทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูงหรือต่ำไปกว่าที่ควรจะเป็น เพื่อให้สัดส่วนการลงทุนเข้าสู่สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม Principal Asset Allocation Plan เป็นเพียงคำแนะนำของ บริษัทจัดการ ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามคาดหวัง ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจการจัดสรรการลงทุน (Basic Asset Allocation) ตามคำแนะนำของสำนักงาน ก.ล.ต.
พอร์ตการลงทุนดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณการสัดส่วนการลงทุน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อลงทุนจริง ขึ้นอยู่กับสภาพตลาด การลงทุนและโอกาสการลงทุนในแต่ละขณะ ทั้งนี้ ประมาณการสัดส่วนการลงทุน ไม่ใช่การรับประกันหรือยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต/ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
คำอธิบายประกอบ Clients’ Portfolio Model 5 พอร์ตลงทุนแนะนำ
• สำหรับผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยง “ปานกลางค่อนข้างสูง” แนะนำพอร์ตการลงทุน “Income”
• สำหรับผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยง “สูง” ท่านสามารถลงทุนในพอร์ตการลงทุน “Income” และ “Balance”
• สำหรับผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยง “สูงมาก” ท่านสามารถลงทุนในพอร์ตการลงทุน “Income”, “Balance”, “Growth”, “Active Growth” และ “Global Growth”
• ทั้งนี้หากท่านผู้ลงทุนมีความประสงค์จะลงทุนในพอร์ตลงทุนที่มีระดับความเสี่ยงสูงกว่าระดับความเสี่ยงการลงทุนของท่าน ท่านจะต้อง “ยืนยัน” รับทราบความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนที่ท่านได้เลือกลงทุน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / PRINCIPAL GQE, PRINCIPAL GESG, PRINCIPAL GCREDIT และ PRINCIPAL USEQ กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL GIFUH กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในยุโรปและอเมริกาเหนือ ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL GLEADER ลงทุนกระจุกตัวในอเมริกาเหนือ และยุโรป ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL GESG มิได้อยู่ภายใต้ข้อกำหนดว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน การบริหารจัดการและการจัดทำรายงานของกองทุนรวมเช่นเดียวกับ SRI Fund / PRINCIPAL VNEQ ลงทุนกระจุกตัวในประเทศเวียดนาม ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL DPLUS มีการลงทุนในต่างประเทศบางส่วนซึ่งจะไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ จึงอาจทำให้กองทุนมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทและสกุลเงินต่างประเทศอื่น ๆ ดังนั้น บริษัทจัดการจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุน ณ ต่างประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว / PRINCIPAL GIFUH จะไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (unhedged) ดังนั้นกองทุนจึงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าทุนเริ่มแรกได้ / บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / ผู้ลงทุนควรศึกษาผลการดำเนินงานของหน่วยลงทุนแต่ละชนิดของกองทุนใน
https://www.principal.th/th/mutual-fundth ก่อนตัดสินใจลงทุน/ Copyright @ 2025 บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช์ ประเทศไทย สงวนลิขสิทธิ ข้อมูลที่ประกอบในเอกสารนี้ : (1) เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ และ/หรือ ผู้ให้บริการข้อมูล (2) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการทำซ้ำ หรือเผยแพร่ (3) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อความถูกต้อง ครบถ้วน และความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกกรณีจากการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิง ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต