China Equity Market Update
สรุปเหตุการณ์สำคัญ (Market Update)
ตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. 2565 ตลาดหุ้นจีนเริ่ม outperform ดีกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว สาเหตุหลักมาจากการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อที่ต่างกัน โดย US Core PCE ณ เดือน เม.ย.2565 อยู่ที่ 4.9% ในขณะที่ Euro Area HICP อยู่ที่ 8.8% ซึ่งต่างจากอัตราเงินเฟ้อของจีนที่อยู่ในระดับต่ำที่ 2.1% ส่งผลให้นโยบายการเงินในฝั่งของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วกลับมาเข้มงวดมากขึ้นด้วยความรวดเร็วและแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ในขณะที่จีนไม่มีแรงกดดันทางด้านอัตราเงินเฟ้อจึงสามารถอัดฉีดสภาพคล่องและปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังการ Lock Down ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค. 2565 ที่ผ่านมาทางการจีนได้ทยอยคลายมาตรการ Lock down และผ่อนคลายมาตรการตรวจและกักกันโควิดมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด ตามการกำชับของผู้นำจีนที่ตั้งเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนปีนี้ที่ 5.5% โดยไตรมาสที่ 1 เติบโตเพียงแค่ 4.8% ในขณะที่ไตรมาสที่ 2 มีการ Lock Down ตามเขตเศรษฐกิจสำคัญ จึงคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้า
โดยล่าสุดมีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่รวมถึง 33 นโยบายย่อย ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน รวมถึงการช่วยเหลือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ผ่านกลไกทางด้านภาษี การออกพันธบัตรเพื่อการลงทุน การเร่งใช้จ่ายงบประมาณ โดยนโยบายที่ออกจนถึงเดือน มิ.ย. 2565 มีมูลค่าสูงกว่าปี 2564 และเทียบเท่าปี 2563 ทั้งปีและยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ตาม การเน้นย้ำของนาย Xi JinPing ที่เน้นให้รัฐบาล “รักษาสมดุลระหว่างการเติบโตของเศรษฐกิจและการควบคุมการโรคระบาด” สะท้อนถึงความผ่อนคลายมาตรการ ZERO COVID
ถึงแม้ว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดทุนจีนก่อนหน้านี้ถูกกดดันด้วยการแทรกแซงภาคอุตสาหกรรมโดยภาครัฐ เช่น อุตสาหกรรมการศึกษานอกระบบ (ติวเตอร์), อุตสาหกรรมธุรกิจ Internet/ Platform หรือธุรกิจภาคอสังหาฯ แต่ปัจจุบันทางการจีน โดยเฉพาะนาย Li Keqiang ประธานคณะมนตรีรัฐกิจสาธารณรัฐประชาชนจีน ออกมาเน้นย้ำถึงการสนับสนุนธุรกิจ Online Platform และออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เพิ่มเติมในแต่ละมณฑล ล่าสุดทางการจีนเองมีการอนุมัติแผนสนับสนุนและพัฒนา Payment System รวมถึงอุตสาหกรรม FinTech พร้อมทั้งมีรับพิจารณาการยื่นเสนอที่จะจัดตั้ง Financial Holding Company ของ Ant Group สร้างโอกาสในการกลับมาเตรียม IPO อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศการลงทุนในตลาดอุตสาหกรรม Internet / Platform จีนกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่นักลงทุนเทขายหลบความเสี่ยงด้านนโยบายภาครัฐโดยที่ธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เพียงระยะสั้นและยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว
มุมมองการลงทุน (Outlook)
- เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวตามการเปิดเศรษฐกิจ และมาตรการจัดการการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ที่ผ่อนคลายมากขึ้น
- นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ตามเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ที่ 5.5%
- นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายสวนทางกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้
- การส่งสัญาณสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมที่เคยถูกแทรกแซง เช่น Internet Platform และ Property
- ค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) ของตลาดหุ้นจีนกับตลาดหุ้นโลกอยู่ในระดับต่ำ จึงเหมาะลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงพอร์ทการลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นโลกผันผวนสูง
- Valuation ของตลาดหุ้นจีน ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ แนะนำ “ซื้อ”
บรรยากาศและปัจจัยการลงทุนในตลาดหุ้นจีนในปัจจุบันถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการกลับมาเปิดประเทศ ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนหลายตัวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนในเดือน พ.ค. 2565 ที่ผ่านมาทั้งภาคการผลิต บริการ และการส่งออก ในขณะนโยบายการเงินและการคลังอยู่ในโหมดผ่อนคลายเพิ่มเติมสวนทางกับธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก โดยเฉพาะ FED และ ECB และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ตามเป้าที่ 5.5%
โดยปัจจัยเสี่ยงด้านนโยบายภาครัฐก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นการแซกแทรงภาคธุรกิจ และนโยบาย Zero-Covid มีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายลงตามคำแถลงจุดยืนที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมต่างๆและการดำเนินตามแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ 5 ปี ฉบับที่ 14 และการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตของเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19
นอกจากนั้นตลาดหุ้นจีนยังมีสหสัมพันธ์ (Correlation) ที่ต่ำเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นโลก ซึ่งถือว่าการลงทุนในตลาดหุ้นจีนจะสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงพอร์ทการลงทุนได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และนโยบายทางการเงินและการคลังมีแนวโน้มสวนทางกัน โดยจีนเองอยู่ในโหมดผ่อนคลาย และกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
ในส่วน Valuation ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยค่า PER ของ ดัชนีหุ้นจีนส่วนใหญ่ อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปี (ดัชนี Hangseng Tech และ STAR50 จัดตั้งขึ้นในปี 2020) และใกล้ระดับ -2SD และศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจจีนเอง สามารถผลักดันให้แนวโน้มเริ่มฟื้นตัวเพิ่มขึ้นได้อีกในช่วงครึ่งปีหลัง ยิ่งทำให้ valuation น่าสนใจมากยิ่งขึ้น จึงแนะนำ “ซื้อ”
กองทุนที่เกี่ยวข้อง/แนะนำ
ทาง บลจ.พรินซิเพิล มีกองทุนเปิดที่ลงทุนในหุ้นจีน 2 กอง ที่ลงทุนผ่านกองทุนรวม และ/หรือ กองทุน Exchange Traded Fund (ETF) ต่างประเทศ
กองแรก คือ กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไชน่า อิควิตี้ (PRINCIPAL CHEQ) มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่
จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศจีนหรือบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศจีน ที่มีการเติบโตในระยะยาว และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างเศรษฐกิจของจีน สำหรับในระยะสั้น การกลับมาเปิดประเทศและจับจ่ายใช้สอยของประชากรในเมืองใหญ่ๆ ในจีนจะส่งผลบวกโดยตรงต่อกองทุน โดยหมวดอุตสาหกรรมที่กองทุนลงทุนจะมีน้ำหนักส่วนใหญ่ทั้งในกลุ่ม Financial Services, Communication Services และ Consumer Defensive เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงในหลายอุตสาหกรรมและเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม A-Share
กองที่ 2 คือ กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไชน่า เทคโนโลยี (PRINCIPAL CHTECH) จะเน้นลงทุนบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจ
ในประเทศจีนที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี (เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ฉบับที่ 14) โดยกองทุนจะแบ่งน้ำหนักการลงทุนในธีม Soft Tech (eCommerce, Cloud, Internet) และ Hard Tech (New-generation information technology, Biomedicine, New energy) ในดัชนี Hangseng Tech และ STAR50 ในสัดส่วน 70 : 30 โดยความเสี่ยงทางด้านนโยบายภาครัฐที่ลดลงจะเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเน้นลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี
อ่าน China Equity Market Update
บริหารจัดการโดย
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จากัด
44 อาคาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ชั้น 16 ถ. หลังสวน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทร. 02 686-9595 โทรสาร. 02 657-3167
Website www.principal.th
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณสินค้า (กองทุนรวม) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุน PRINCIPAL CHEQ และ PRINCIPAL CHTECH กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศจีน ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินทุนเริ่มแรกได้/บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจและควรเก็บหนังสือชี้ชวนไว้เป็นข้อมูลอ้างอิงในอนาคตและเมื่อมีข้อสงสัยให้สอบถามผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนให้เข้าใจก่อนซื้อหน่วยลงทุน / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต