ทำไมนักลงทุนทั่วโลกถึงให้ความสนใจในจีน?
ในช่วงปี 2020 จนมาถึงปี 2021 นี้ เศรษฐกิจโลกยังดูเหมือนว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่ยังคงเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะมีข่าวเรื่องของวัคซีนออกมาบรรเทาสถานการณ์แล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่า "ประเทศจีน" จะสามารถแก้ไขปัญหาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจกลับมาเป็นอันดับต้น ๆ แซงหน้าทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือแม้กระทั่งญี่ปุ่นได้ เนื่องจากประเทศจีนนั้นใช้วิธีการปิดประเทศ (Lockdown) ในระยะสั้นแต่จริงจังจนทำให้สามารถเข้ามาควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว จึงจะเห็นยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในจีนอยู่ในระดับที่น้อยมาก
ประกอบกับจีนเองมีการพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศในอัตราที่สูงทำให้ได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศของประเทศอื่น ๆ น้อยกว่าประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวและการส่งออก ด้วยการเติบโตที่อยู่ในระดับที่สูงมาอย่างต่อเนื่อง และยังสามารถฟื้นตัวจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าในอีก 8 ปีข้างหน้า ขนาดเศรษฐกิจของจีนจะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของโลกด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.5-5.7% ตลอดช่วง 8 ปีหลังจากนี้ (Source: รายงานประจำปี 2020 ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ หรือ Centre for Economics and Business Research (CEBR))
และถ้าใครได้ติดตามข่าวเรื่อง "เทคโนโลยี" ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดจะสังเกตได้ว่า ณ เวลานี้ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาเองก็กำลังก่อ "สงครามเทคโนโลยี" เพื่อขัดขวางไม่ให้จีนขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี เพราะต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาประเทศจีนสามารถพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศได้อย่างรวดเร็ว จากที่เคยเป็นฐานการผลิตเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดโลก รวมถึงมีบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่รองรับการเติบโตจนสามารถทำการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) ได้อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ ของประเทศจีนกำลังจะก้าวแซงข้ามสหรัฐอเมริกาไปแล้ว
โดยทางประเทศจีนเองก็ตั้งเป้าที่จะเป็นเบอร์หนึ่งด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีของโลกให้ได้ภายใน 2035 ซึ่งจีนจะกลายมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่างเต็มตัวแซงหน้าผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่างสหรัฐอเมริกาในขณะนี้
ไม่ว่าจะ Old Economy หรือ New Economy จีนเองก็ถือว่าเป็นอันดับต้น ๆ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมการลงทุนในประเทศจีนจึงเป็นที่พูดถึงอย่างมาก และด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจจีน ทำให้มีการปรับน้ำหนักการลงทุนในจีน (A-Share) ใน MSCI EM Index เพิ่มขึ้นจาก 4.8% เป็น 20.8% และมีกระแสเงินสดจากนักลงทุนทั่วโลกมากขึ้นอย่างมาก (Source: Guide to the Market Asia 1Q2021, 31 Dec 2020)
สำหรับใครที่อยากลงทุนในจีน แนะนำให้ลงทุนผ่านกองทุนเปิดพรินซิเพิล ไชน่า อิควิตี้ A - Principal China Equity Fund A (PRINCIPAL CHEQ-A) ที่มีการกระจายลงทุนทั้ง Old Economy และ New Economy ของประเทศจีน โดยสัดส่วนการลงทุนประมาณ 70% จะมีการลงทุนผ่านกองทุนหลัก UBS (Lux) China A Opportunity Fund เป็นสัดส่วนการลงทุนหลัก (Core Portfolio) ที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตได้เร็วใน A-Share การันตีคุณภาพของกองทุนด้วย 5 ดาวจากทาง Morningstar (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2020)
และสัดส่วนที่เหลือจะทำการเสริม (Satellite Portfolio) ด้วย ETF New Economy ลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนเข้าสู่ยุคใหม่ เติบโตอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้พอร์ตมีความหลากหลายมากขึ้นและโอกาสเพิ่มผลตอบแทนที่มากขึ้น อาทิเช่น iShare FTSE A50 China Index, Principal China Direct Opportunity Equity, Premia CSI CAIXIN China New Economy ETF (3173 HK) และ Global China Cloud Computing ETF ซึ่งระดับสัดส่วนการลงทุนระหว่าง Core Portfolio และ Satellite Portfolio ของกองทุนรวมจะปรับเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนและสถานการณ์การลงทุน
ตัวอย่างหุ้นที่ ETF เหล่านี้ลงทุน ได้แก่ Gree Electric Appliances, Inc. of Zhuhai ที่เป็นผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีกำลังการผลิตมากกว่า 60 ล้านเครื่องต่อปี มีฐานการผลิตมากกว่า 160 ประเทศทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น จีน ปากีสถาน เวียดนาม ฯลฯ (Source: global.gree.com, data as of 30 sept 2020)
Meituan-Dianping บริษัททำแอปพลิเคชันที่รวมบริการไว้มากกว่า 200 รายการไว้ในแอปฯเดียว เช่น ส่งอาหาร เรียกแท็กซี่ เช่าจักรยาน จองตั๋วหนัง มีฐานลูกค้ามากกว่า 600 ล้านคนและมีร้านค้ามากกว่า 5 ล้านราย เป็นอีกหนึ่ง Super App จากจีน ซึ่งในปัจจุบัน Meituan-Dianping มีขนาดบริษัทใหญ่มากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์หรือมีขนาดใหญ่มากกว่า Uber ถึง 3 เท่าตัว (Source: about.meituan.com/en and Yahoo Finance, data as of 30 Sep 2020)
อีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจก็คือ Handsun Technologies Inc. ที่ถือว่าเป็น Fintech ชั้นนำของจีนที่ให้บริการ Platform สำหรับงานหลังบ้านให้เหล่าธนาคารและหลักทรัพย์ในจีน ถือว่าเป็น Fintech ที่มาแรงและเติบโตได้อย่างรวดเร็วมากของจีน (Source: https://es.linkedin.com/company/hundsunayers)
สำหรับใครที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนเปิดพรินซิเพิล ไชน่า อิควิตี้ A (PRINCIPAL CHEQ-A) เพิ่มเติมสามารถเข้าศึกษารายละเอียดได้ ที่นี่ หรือสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและสอบถามรายละเอียดการลงทุนได้ที่ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือผู้สนับสนุนการขายฯ หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร 02-686-9595
คำเตือน
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศจีน ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
- ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าทุนเริ่มแรกได้
- บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
Copyright @ 2020 บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช์ ประเทศไทย สงวนลิขสิทธิ ข้อมูลที่ประกอบในเอกสารนี้ :
(1) เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ และ/หรือ ผู้ให้บริการข้อมูล
(2) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการทำซ้ำ หรือเผยแพร่
(3) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อความถูกต้อง ครบถ้วน และความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกกรณีจากการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิง ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต