Principal Upadate: CIO’s View: December 2021
เกาะกระแสการลงทุนแห่งอนาคตไปกับ Thematic Investment
โดย คุณศุภกร ตุลยธัญ, CFA – ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน
และ คุณวรุณ ทรัพย์ทวีกุล - ผู้จัดการกองทุน ฝ่ายการลงทุนต่างประเทศ
ในปัจจุบันเชื่อว่านักลงทุนหลายท่านอาจจะคุ้นหูกับคำว่า “Thematic Investment” กันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังถึงความหมาย และอัพเดทธีมการลงทุนที่น่าสนใจ โดยในช่วง 5-6 ปีผ่านมา Thematic Investment ถือว่าเป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มุ่งเน้นในการจับกระแสการเปลี่ยนแปลงหลักที่สำคัญของโลกในระยะยาวเช่นทางด้าน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และโครงสร้างประชากร หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า “Megatrend” ซึ่งทุกๆ การเปลี่ยนแปลงของ Megatrend ย่อมทำให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆที่เปลี่ยนไป ดังนั้นความสามารถในการปรับตัวของบริษัทให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมในอนาคตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม ยกตัวอย่างเช่น การมาของ Smartphone ในช่วงปี 2010 ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงได้ ทำให้บริษัทผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่หลายแห่งที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทันต้องเสียส่วนแบ่งการตลาดไปเกือบหมด
อย่างไรก็ตามการยอมรับนวัตกรรมใหม่ๆในสังคมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ Megatrend สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎี The Diffusion of Innovations ของ Everett Rogerโดยแนวคิดนี้ได้แบ่งกลุ่มคนในสังคมที่จะยอมรับการแพร่กระจายของนวัตกรรมใหม่ๆไว้ดังนี้
Source: wikiperdia.org
- Innovators คือผู้คนกลุ่มแรกในสังคมที่ชื่นชอบเทคโนโลยี หรือผู้ใช้งานที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี หรือนักประดิษฐ์ ที่สร้างกระบวนการยอมรับและถ่ายถอดให้คนกลุ่มต่อไป
- Early Adopters เป็นกลุ่มผู้คนที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ และมีความสนใจข่าวสารใหม่อยู่เสมอ เป็นตัวเร่งให้เกิดการยอมรับต่อนวัตกรรมใหม่ๆต่อสังคมโดยบอกเล่าต่อด้วยประสบการณ์ตรง ซึ่งคนกลุ่มนี้จัดว่ามีความสำคัญต่อการยอมรับนวัตกรรมใหม่ๆ ของสังคมมากที่สุด
- Early Majority เป็นคนกลุ่มใหญ่ของสังคมที่ต้องการใช้เวลาในการตัดสินใจ โดยที่คำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับและความง่ายในการใช้งานเป็นหลัก
- Late Majority เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในสังคมอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จะมีการยอมรับนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เมื่อมีความจำเป็นจริงๆ
- Laggards คือกลุ่มสุดท้ายของสังคมที่จะยอมรับนวัตกรรม คนกลุ่มนี้จะยอมรับนวัตกรรมก็โดยการรับฟังข้อมูลจากคนรอบข้าง หรือบังคับโดยสถานการณ์หรือโดยหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม
เพื่อให้ท่านผู้อ่านเห็นภาพ Thematic Investment ได้ดีขึ้นยิ่งขึ้นเราจึงขอยกตัวอย่างธีมการลงทุนที่น่าสนใจดังนี้
- Healthcare Innovation
Source:https://www.innovationpolicyplatform.org/www.innovationpolicyplatform.o…;
เนื่องจากปัจจุบันผู้คนได้ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับการที่ประชากรโลกจะมีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต โดยคาดว่าประชากรโลกที่มีอายุมากกว่า 65 ปี จะเพิ่มขึ้นไปมากกว่า 1,500 ล้านคน ในปี 2050 จากปัจจุบันที่ประมาณ 700 ล้านคน จึงทำให้แนวโน้มในการใช้จ่ายเพื่อดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านการตรวจหา บำรุง ป้องกัน หรือรักษา โดยจากรายงานของ Deloitte พบว่าในช่วงปี 2015-2019 ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้คนทั่วโลกมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 2.8% จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 3.9% ในช่วงปี 2020-2024 และจะมากกว่าในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่จะมีการใช่จ่ายทางด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นที่อัตราประมาณ 5% CAGR ในช่วงปีข้างต้น
- Robotics
Source:https://www.e-spincorp.com/rising-of-the-age-of-ai-robot-lawyer-and-com…
เทคโนโลยีเกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญของชีวิตผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หุ่นยนต์สำหรับระบบโลจิสติกส์ หุ่นยนต์ทางด้านการแพทย์ หรือหุ่นยนต์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันต่างๆ ทำให้อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะมีอัตรา CAGR ที่ 17.5% ในช่วง 6 ปีข้างหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักดังนี้
- อัตราส่วนจำนวนประชากรโลกในวัยทำงานในอนาคตที่มีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ จากปี 2020 เป็นต้นไป
- ราคาหุ่นยนตร์สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตมีราคาลดลงเรื่อยๆ โดยนับตั้งแต่ปี 1990 ถึงปัจจุบัน ราคาหุ่นยนต์ในประเทศสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงประมาณ 50% ในขณะที่ค่าแรงงานโดยเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นกว่า 100%
- ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ และจีน รวมไปถึงการแพร่ระบาดของ COVID-19 กลายเป็นความเสี่ยงที่ทำให้บริษัทหลายแห่งพิจารณาปรับเปลี่ยนห่วงโซ่การผลิตให้สั้นลง หรือย้ายกลับสู่ประเทศตนเอง
- Millennials
เป็นธีมที่เน้นการลงทุนสอดคล้องกับ lifestyle และการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มคนเป้าหมายที่เป็นประชากร Gen Y และ Gen Z ที่เกิดในช่วงปี 1980 - 2000 โดย Millennials เป็นกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีตลอดเวลา สามารถยอมรับและปรับตัวเข้ากับนวัตกรรมใหม่ๆ ได้โดยง่าย และมีสัดส่วนการใช้จ่ายในสินค้าและบริการที่มีราคาสูงกว่าเพื่อแลกกับประสบการณ์ที่ดีขึ้น มากกว่าคนกลุ่ม Gen X และ Baby Boomers โดยในปี 2030 คาดการณ์ว่าคนกลุ่ม Millennials จะกลายเป็นคนกลุ่มหลักที่ 75% ของประชากรวัยทำงานในประเทศสหรัฐฯ
- Electric Vehicle
Source:https://www.wallbox.in.th/category/ev-car/
เชื่อว่ารถยนตร์ไฟฟ้าหรือ “EV” เป็นคำคุ้นหูที่หลายๆ คนพูดถึงในโลกยุคปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ราคาของรถ EVปรับตัวลงมากเทียบกับเมื่อหลายปีก่อนส่งผลให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น โดยในปี 2020 ยอดขายรถ EV เพิ่มขึ้นถึง 45% ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% ในปีนี้ และมีอัตรา CAGR ที่ 29% ในอีก 10 ปีข้างหน้า มากไปกว่านั้นปัจจัยสนับสนุนระยะยาวของธีมนี้คือการที่ประเทศกลุ่มผู้นำของโลกเช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ได้มีนโยบายที่มุ่งเน้นไปในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net Zero Emission) เหมือนกันซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายรถ EV เพิ่มขึ้นไปที่ 38% ของยอดขายรถยนตร์ทั่วโลก ในปี 2040 จากเหตุผลข้างต้นทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถ EV มีความน่าสนใจมากขึ้นในระยะยาวตั้งแต่กลุ่มบริษัทที่อยู่ต้นน้ำเช่นบริษัทที่ทำเหมืองลิเทียม จนไปถึงปลายน้ำเช่นบริษัทผู้จัดจำหน่ายรถ EV ต่างๆ
- Metaverse
Source:https://zipmex.com/th/learn/facebook-metaverse/
หลังจากที่นาย Mark Zuckerberg ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Meta Platforms และจะมุ่งเน้นความสำคัญกับการให้ประสบการณ์ในโลกเสมือนจริงหรือ “Metaverse” แก่ผู้ใช้บริการ ทำให้ผู้คนตื่นตัวกับแนวคิดของโลกเสมือนจริงมากขึ้น ซึ่งก็คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ผสานโลกแห่งความจริงและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ที่จะทำให้ผู้คนสามารถออกไปใช้ชีวิตและทำกิจกรรมร่วมกันไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย เล่นเกมส์ ชมงานเทศกาลดนตรี หรือการท่องเที่ยว ทั้งที่จริงๆแล้วเรากำลังทำกิจกรรมนั้นๆ อยู่ในบ้านของตนเอง โดยที่จะมีเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) เข้ามาช่วยในการเชื่อมโยงผ่านอินเทอร์เน็ตเข้าสู่โลกเสมือนจริง
โดยสรุปแล้ว Thematic Investment คือการลงทุนที่ต้องอาศัยทั้งการวิเคราะห์แบบ Top-down เพื่อที่จะเสาะหา Megatrend ที่มีความน่าสนใจ และการวิเคราะห์แบบ Bottom-up เพื่อแสวงหาบริษัทที่มีศักยภาพในการคิดค้นนวัตกรรมที่ก้าวหน้า รวมไปถึงความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ นักลงทุนผู้สนใจการลงทุนในธีมข้างต้นสามารถลงทุนผ่าน “กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล อินโนเวชั่น” (PRINCIPAL GINNO)
กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล อินโนเวชั่น (PRINCIPAL GINNO)
กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล อินโนเวชั่น (PRINCIPAL GINNO) เป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุน (Fund of Fund) เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจชั้นนำที่เติบโตไปพร้อมกับ Megatrends นวัตกรรม เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงสู่โลกอนาคต ลงทุนในธุรกิจด้านเทคโนโลยี ธุรกิจในกลุ่ม Millennial และกลุ่มธุรกิจ Healthcare ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการลงทุนและโอกาสรับผลตอบแทนที่เหมาะสม
ศึกษาข้อมูล กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล อินโนเวชั่น (PRINCIPAL GINNO)