เจาะลึกตลาดหุ้นเวียดนามครึ่งปีหลัง 2024 กับตัวจริงบริหารกองทุนเวียดนาม กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ PRINCIPAL VNEQ

Image

ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ เป็นหนึ่งในตลาดที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในโลก โดยดัชนี VN Index ให้ผลตอบแทนสูงถึง 11.7% พร้อมทั้งได้รับขนานนามว่าเป็น “เสือเศรษฐกิจตัวใหม่แห่งเอเชีย” ด้วยความแข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติจับตามองตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงครึ่งปีหลังต่อจากนี้ว่าจะเติบโตได้อีกหรือไม่

วันนี้ บลจ.พรินซิเพิล จึงขอพาทุกคนมาเปิดมุมมองการลงทุนช่วงครึ่งปีหลังของปี 2024 กับตลาดหุ้นเวียดนาม ไปพร้อมกันว่ามีความน่าสนใจในด้านไหนบ้าง ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ในการบริหารกองทุนเวียดนาม กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ (PRINCIPAL VNEQ) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในเวียดนาม เพื่อให้นักลงทุนได้เห็นแนวโน้มเศรษฐกิจก่อนการตัดสินใจลงทุนในตลาดที่กำลังเติบโตนี้

Image

 

ทำไมตลาดหุ้นเวียดนาม ถึงน่าสนใจในครึ่งปีหลัง 2024

ก่อนอื่นเรามาหาคำตอบกันก่อนว่าปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามน่าสนใจในครึ่งปีหลังของปี 2024 โดยวิเคราะห์จากการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และนโยบายการคลังและการเงิน เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่กำลังพิจารณาลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม

1. ตลาดหุ้นเวียดนามในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2024 เป็นหนึ่งในตลาดที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในโลก โดยดัชนี VN Index ให้ผลตอบแทนสูงถึง 11.7% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นโลกอยู่ที่ 9.11% และค่าเฉลี่ยของกลุ่มตลาดชายขอบ (Frontier Markets) อยู่ที่เพียง 6.19% เท่านั้น

2.ในช่วงปีที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามได้ปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังทั้งในภาครัฐและเอกชน เห็นได้จากการลาออกและการแต่งตั้งใหม่ในตำแหน่งสำคัญต่างๆ อย่างไรก็ตามตำแหน่งที่ว่างนั้นได้รับการแต่งตั้งจนครบทั้งหมดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้การเมืองเวียดนามมีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าที่เป็นมา

3. การเงินของเวียดนามมีความแข็งแกร่ง แม้ว่าค่าเงินดองจะอ่อนค่า โดยในช่วงมกราคม-พฤษภาคม เงินดองอ่อนค่ากว่า 4.5% และมีความผันผวนในเดือนเมษายน อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ได้แทรกแซงเพื่อลดความผันผวนของค่าเงิน เนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมาได้สะสมเงินสำรองระหว่างประเทศไว้มากขึ้นต่อเนื่องจนมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งค่าเงินดองที่ผันผวนน้อยลงและตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้นอีกครั้งและแตะจุดสูงสุดใหม่ (New High)

4. เศรษฐกิจเวียดนามในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตจากการบริโภคในประเทศและการส่งออกเป็นหลัก โดยยอดค้าปลีกในเดือนพฤษภาคม 2024 ปรับขึ้นถึง 9.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (YOY) ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องเดือนที่ 30 และสูงสุดนับตั้งแต่พฤศจิกายน 2023

5. การท่องเที่ยวในช่วงต้นปีถึงเดือนพฤษภาคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 7.6 ล้านคน สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันก่อนเกิด COVID-19 และคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวตลอดปีจะสูงกว่าปี 2019

6. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากต้นทุนค่าแรงที่ต่ำกว่าในประเทศใกล้เคียง ขณะที่แรงงานมีฝีมือ ความรู้ และประสิทธิภาพมากกว่า นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ปฏิรูปกฎระเบียบ โครงสร้างพื้นฐาน และระบบภาษีให้เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น
 

Image

 

เวียดนาม ยกระดับตลาดหุ้น เลื่อนขั้นสู่ Emerging Market

แม้ว่าปัจจุบันตลาดหุ้นเวียดนามถูกจัดอยู่ในกลุ่มตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier Market) แต่ในระยะยาวตลาดหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มที่จะยกระดับเป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) รัฐบาลเวียดนามมีความกระตือรือร้นในการปฏิรูปกฎหมายเพื่อยกระดับตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่องให้ตรงตามมาตรฐานของ FTSE และ Morgan Stanley Capital International (MSCI) โดยในปีนี้มีความคาดหวังกับการใช้มาตรฐานของ FTSE มากขึ้น

จุดเปลี่ยนที่จะทำให้เวียดนามเลื่อนขั้นสู่ Emerging Market ได้แก่:
1. การพัฒนาระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ให้มีความเป็นสากลมากขึ้น โดยระบบการซื้อขายต้องสามารถทำ Short-selling และ Day-trading ได้ ในส่วนนี้ทางการของเวียดนามได้มีการทดสอบระบบใหม่ โดยเปลี่ยนจากระบบการซื้อขายของ FPT (ประเทศเวียดนาม) มาใช้ของ KRX (ประเทศเกาหลีใต้) เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีการประกาศเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการ

2. การยกเลิกระบบซื้อขายแบบข้อกำหนดด้านเงินทุนล่วงหน้า (Pre-funding) ซึ่งเป็นการซื้อขายที่บังคับให้นักลงทุนต้องมีเงินสดในบัญชีเพียงพอต่อการซื้อขายหลักทรัพย์หนึ่งวันก่อนการทำธุรกรรม โดยกลต.ของเวียดนามนั้นได้ประกาศยกเลิกข้อบังคับและ/หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการ Pre-fund บางส่วนแล้ว โดยให้บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ หาแนวทางร่วมกันเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป

ทั้งนี้ หากเวียดนามก้าวสู่ Emerging Market จะส่งผลให้มีเงินทุนแบบ Passive เข้ามาในประเทศจำนวนมาก อีกทั้งยังทำให้เวียดนามเป็นที่รู้จักในกลุ่มกองทุนแบบ Active มากขึ้นเช่นกัน

 

Image

 

รวมจุดเด่นกองทุนหุ้นเวียดนาม PRINCIPAL VNEQ ที่ควรลงทุนในปีนี้

กองทุน PRINCIPAL VNEQ มีกลยุทธ์เชิงรุก เน้นสร้างผลตอบแทนระยะยาวและปรับเปลี่ยนการลงทุนระยะสั้นตามสภาวะตลาด โดยมีทีมบริหารกองทุนและนักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญในตลาดเวียดนามทั้งชาวไทยและเวียดนาม

นอกจากนี้กองทุนหลักมีการคัดเลือกธุรกิจและบริษัทชั้นนำในเวียดนามที่มีศักยภาพเติบโตระยะยาว มีธรรมาภิบาลในการดำเนินงาน และมีราคาถูกกว่ามูลค่าที่ประเมินได้

ซึ่งกองทุนหุ้นเวียดนาม PRINCIPAL VNEQ สร้างผลตอบแทนอันดับ 1 ที่ 21.61% (ตั้งแต่ต้นปีจนถึงพฤษภาคม 2024) สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 8.01% และครองอันดับ 1 ในปี 2023 ที่ 11.94% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 5.03% เมื่อเทียบกับกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนามในประเทศไทย (ที่มา: Morningstar ณ ธันวาคม 2023 และ 31 พฤษภาคม 2024)

พร้อมการันตีผลงานจากการได้รับ Morningstar ระดับ 5 ดาว (Source: Morningstar 31 พฤษภาคม 2024)

 

Image

 

ชื่อทรัพย์สินและการลงทุน 5 อันดับแรกของ PRINCIPAL VNEQ

FPT CORP: FPT VN
บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม จัดจำหน่ายโปรแกรมคอมพิวเตอร์, ซอฟต์แวร์, บริการคลาวด์ และให้คำปรึกษาด้าน IT โดย PRINCIPAL VNEQ มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 9.77%

MOBILE WORLD INVESTMENT CORP: MWG VN
บริษัทค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในเวียดนาม โดย PRINCIPAL VNEQ มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 7.52%

MILITARY COMMERCIAL JOINT STOCK BANK: MBB VN
บริษัทที่ให้บริการด้านการธนาคารแก่บุคคลทั่วไปและองค์กร ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีตลาดหุ้นในกลุ่มแบงก์มากถึง 30% โดย PRINCIPAL VNEQ มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 7.50%

HOA PHAT GROUP JSC: HPG VN
บริษัทผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่และมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับต้นๆ ในการจำหน่ายเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในเวียดนาม โดย PRINCIPAL VNEQ มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 7.31%

HOUSING DEVELOPMENT BANK: HDB VN
ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำในเวียดนาม โดย PRINCIPAL VNEQ มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 7.22%

 

Image

 

PRINCIPAL VNEQ มีผลการดำเนินงานนับตั้งแต่ต้นปี (มกราคม-มิถุนายน 2024) สามารถสร้างผลตอบแทนอันดับ 1 
ในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนามในประเทศไทยที่ 21.61% YTD (มกราคม-มิถุนายน 2024)

สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 8.01% อีกทั้งยังครองอันดับ 1 ในปี 2023 ที่ 11.94% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 5.03% 
พิสูจน์ผลงานกองทุนได้รับ Morningstar 5 ดาว (ที่มา: Morningstar 31 พฤษภาคม 2024)

(Source: Special Report: Vietnam Market Outlook 2H24 as of 12 June 2024)
 

Image

เพื่อไม่พลาดโอกาสทำกำไรตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงครึ่งปีหลังปี 2024 เริ่มลงทุนในกองทุน PRINCIPAL VNEQ ติดต่อสอบถามได้ที่ CIMB Thai และพันธมิตรทางธุรกิจ 
หรือเริ่มลงทุนในกองทุน Principal VNEQ ได้เลยวันนี้ ทางแอปพลิเคชัน Principal TH

ดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/principal/VNEQ-A
ข้อมูลกองทุนรวม บลจ.พรินซิเพิล https://www.principal.th/th/mutual-fundth

ติดต่อได้ที่เว็บไซต์ https://www.principal.th/ หรือโทร 02-686-9500
Line @PrincipalThailand คลิก https://lin.ee/C6KFF6E

#PrincipalThailand #PrincipalVNEQ

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุนรวม) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / PRINCIPAL VNEQ ลงทุนกระจุกตัวในประเทศเวียดนาม ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน/กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจได้รับกำไร หรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืน ต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนควรศึกษาผลการดำเนินงานของหน่วยลงทุนแต่ละชนิดของกองทุน PRINCIPAL VNEQ ใน https://www.principal.th/th/mutual-fundth ก่อนตัดสินใจลงทุน/ ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต/ Copyright @ 2023 บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช ประเทศไทย สงวนลิขสิทธิ์ ข้อมูลที่ประกอบในเอกสารนี้ : (1) เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ และ/หรือ ผู้ให้บริการข้อมูล (2) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการทำซ้ำ หรือเผยแพร่ (3) บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อความถูกต้อง ครบถ้วน และความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกกรณีจากการนำข้อมูลไปใช้อ้างอิง ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต